บอร์ด ความรัก,อัลมาซีกับโยคะของพระเยซู ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย มารคัสอัลมาซี กับ โยคะของพระเยซูบทรีวิวซีรีส์ Messiah ของ Netflix"ถ้าพระเยซูปรากฏกายบนโลกในยุคนี้จริงๆ ท่านจะทำอะไรได้บ้าง?"นี่คือโกอานหรือปริศนาธรรมให้เราขบคิดอย่างจริงจังจากซีรีส์นี้ ที่ห้ามพลาด..........บุรุษหนุ่มลึกลับที่ชาวบ้านเรียกขานชื่อของเขาว่า อัลมาซี(Al-Masih) ซึ่งในภาษาอังกฤษตรงกับคำว่า Messiah (พระเมสสิยาห์หรือพระผู้ช่วยให้รอดตามความเชื่อของศาสนาโบราณ) เพราะอยู่ดีๆเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมๆกับพายุทะเลทรายที่พัดกระหน่ำกองทหารของพวกไอซิส ช่วยให้ชาวเมืองซีเรียในเมืองหลวงรอดพ้นจากหายนะได้ราวกับปาฏิหารย์อัลมาซีประกาศตัวชัดเจนว่า เขาคือตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า และเป็นผู้นำสาส์นที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้ามาสู่ชาวโลกโดยไม่ผ่านตัวกลางหรือสถาบันใดๆเรื่องนี้ทำให้ CIA และอิสราเอลอยู่ไม่ติด รวมทั้งผู้นำศาสนาเอกะเทวนิยมสายต่างๆด้วย เมื่ออัลมาซีไม่ใช่คนเพี้ยนเพราะมีพวกสาวกแห่ตามเขาไปในทะเลทราย กลายเป็นขบวนความเคลื่อนไหวแบบพระเมสสิยาห์อย่างชัดเจนไม่มีสาวกคนใดในขบวนการของอัลมาซี เข้าใจแผนการของอัลมาซี เนื่องเพราะอัลมาซีพูดอย่างชัดเจนเสมอว่า ... ทุกๆการกระทำของเขาล้วนเป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้นอัลมาซีนำพวกสาวกเดินฝ่าทะเลทรายไปจนถึงพรมแดนของประเทศอิสราเอล จากนั้นอัลมาซียอมให้ทางการอิสราเอลคุมตัวไปสอบสวน และหายตัวไปจากห้องขังในคืนนั้นวันรุ่งขึ้นอัลมาซีไปโผล่ตัวในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของกรุงเยรูซาเล็ม มีชาวบ้านนักท่องเที่ยวมาแห่ฟังคำสอนของเขาพร้อมกับถ่ายคลิปตอนที่ทางการส่งทหารเข้ามาล้อมปราบแล้วลั่นกระสุนโดนเด็กชายคนหนึ่งเลือดสาดอัลมาซีรีบเข้าไปช่วยรักษาเด็กชายทันทีด้วยการเอามือแตะ บาดแผลจากกระสุนปืนก็หายทันทีโดยลูกกระสุนที่ยิงเข้าไปหลุดออกมานอกร่างของเด็กชายคลิปนี้กลายเป็นไวรัลที่กระจายไปทั่วโลกยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง จากนั้นอัลมาซีก็หายตัวไปอย่างลึกลับอีก และไปโผล่ที่เมืองเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อยับยั้งพายุทอร์นาโดและช่วยชีวิตครอบครัวของสาธุคุณเจ้าของโบสถ์เล็กๆในที่กันดารซึ่งกำลังล้มละลายคราวนี้คนอเมริกันที่เป็น "วิญญาณที่หลงทาง" พอได้ทราบเรื่องของอัลมาซีก็แห่ไปที่นั่น เพราะเชื่อว่าเขาคือพระเมสสิยาห์เหมือนพระเยซูอัลมาซีพากสาวกหน้าใหม่ของเขาเดินทางด้วยรถไปที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ... ที่นั่น อัลมาซีได้แสดงปาฏิหารย์ด้วยการเดินบนผิวน้ำต่อหน้าทุกคนคืนนั้นอัลมาซี "ถูกเชิญ" ให้ไปพบกับประธานาธิบดีสหรัฐเพื่อสนทนากันส่วนตัวสองต่อสอง ประธานาธิบดีถามอัลมาซีว่าเขาต้องการอะไร อัลมาซีเสนอให้เขาสร้างสันติภาพถาวรให้แก่โลกด้วยการถอนทหารสหรัฐที่ประจำการอยู่ทั่วโลกกลับอเมริกาให้หมดในระหว่างนั้น CIA เริ่มสืบค้นประวัติในอดีตของอัลมาซีว่าชื่อนามสกุลจริงของเขาคืออะไร และมีความเป็นมาอย่างไรผู้มีอำนาจในรัฐบาลสหรัฐที่ไม่เชื่อว่าอัลมาซีคือพระเมสสิยาห์จริงได้ร่วมมือกับทางการอิสราเอลลักพาตัวอัลมาซีนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวบินกลับไปอิสราเอลเพื่อจองจำอัลมาซีไว้ในคุกใต้ดินตลอดชีวิตแต่ในระหว่างบินกลับ เครื่องบินเกิดระเบิดตกลงในดินแดนตะวันออกกลางเสียก่อน อัลมาซีไม่ตายแถมยังช่วยเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอิสราเอลที่ตามล่าเขาซึ่งหมดลมหายใจแล้วให้ฟื้นคืนชีพมาได้อีกครั้ง ... ซีรีส์จบลงตรงนี้..........."ปฏิบัติให้ได้สภาวะทางจิตวิญญาณ แล้วผลจะตามมาเอง เพราะเมื่อดอกบัวบาน ผึ้งจะบินมาตอมเองการสละวางเท่านั้นที่เป็นอมตภาวะที่จะต้องบรรลุถึงชีวิตช่วงแรกอุทิศชีวิตให้กับการบรรลุสภาวะทางจิตวิญญาณที่สูงสุด จากนั้นส่วนที่เหลือของชีวิตตนคือการแบ่งปันสภาวะนี้ให้แก่คนอื่น ..." (สวามีวิเวกนันทะ)ความสนุกในการเดินเรื่องของซีรีส์นี้ อยู่ที่ตัวละครทุกตัวที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับอัลมาซีล้วนเป็น"วิญญาณที่หลงทาง"ทั้งสิ้น แต่ละคนล้วนแบกทุกข์ที่แตกต่างกันไปไม่ว่า ...ความรู้สึกผิดบาปในอดีตผู้ที่หมดศรัทธาในพระเจ้าและหันหลังให้พระเจ้าผู้ศรัทธาในคำสอนอย่างมืดบอดผู้ศรัทธาอย่างไร้เดียงสาผู้ที่เห็นตรรกะเหตุผลและข้อมูลเท่านั้นคือพระเจ้า ฯลฯ.........ผมดูซีรีส์นี้โดยจดจ่อไปที่ตัวของอัลมาซี โดยให้ความสนใจไปที่ "ระดับจิตของอัลมาซีกับสภาวะจิตของอัลมาซี" เท่านั้นเป็นสำคัญจะว่าไปแล้วซีรีส์นี้คือเรื่องเล่าแห่งการท่องไปในสังสารวัฏของพระเมสสิยาห์นั่นเองแต่ที่แน่ๆ อัลมาซีในซีรีส์ไม่ใช่คนลวงโลก ไม่ใช่นักมายากลต้มตุ๋น และไม่ใช่คนป่วยจิตเวชที่เป็นโรค messiah complex อย่างแน่นอน ต่อให้เราไม่เชื่อว่าเขาคือพระเมสสิยาห์ตัวจริงก็ตามอัลมาซีสงบนิ่งมาก แม้อยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเขาอาจถูกฆ่าตายได้ทุกเมื่อไม่ว่าอันตรายจากพายุทราย อันตรายจากถูกปืนจ่อหน้าแต่อัลมาซีกลับมีสีหน้าที่มั่นคงไม่หวั่นไหวต่อความตายเลยแม้แต่น้อยจริงอยู่ที่ปาฏิหารย์แบบมายากลที่อัลมาซีแสดงนั้น นักมายากลระดับโลกคนอื่นก็อาจทำได้เช่นกันแต่ที่เลียนแบบไม่ได้เด็ดขาด คือความไม่หวาดหวั่นต่อความตายผลประโยชน์ในรูปเงินทองและอำนาจ ไม่ได้ทำให้อัลมาซีหวั่นไหวเมื่อถูกหยิบยื่นทุกๆการเลือกและการตัดสินใจของอัลมาซีล้วนมาจากเจตจำนงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่อัลมาซีสื่อสารโดยตรงได้เท่านั้นอัลมาซีอ่านวาระจิตและความคิดของคู่สนทนาได้ไม่มีใครสามารถบังคับอัลมาซีได้ ถ้าตัวเขาไม่เต็มใจผู้มีอำนาจในรัฐบาลได้จ้างหญิงโสเภณีเพื่อมายั่วยวนอัลมาซีถึงในห้องพักสองต่อสอง (โดยมีกล้องวงจรปิดแอบจับภาพและเสียงเอาไว้โดยที่คนในห้องไม่ทราบ)หญิงสาวต้องการมี Sex กับอัลมาซีอัลมาซีบอกหญิงสาวว่า เขารักนาง ... รักสิ่งที่เป็นนิรันดร์ในตัวนาง แต่เขารู้ดีว่านางรับเงินจากคนอื่นมาเพื่อมีเซ็กซ์กับเขา จะได้ประจานเขาในภายหลังเขาเข้าใจความทุกข์ในชีวิตของนางและไม่ถือสานางที่มาล่อลวงเขา อัลมาซีอ่อนโยนต่อหญิงสาวมาก จนหญิงสาวรู้สึกละอายใจกลับไปเองนี่เป็นฉากที่ผมประทับใจที่สุดในซีรีส์นี้ ตอนนั้นต่อให้เราไม่ยอมรับว่าอัลมาซีเป็นอวตารของพระผู้เป็นเจ้าตัวจริง(real) แต่เราต้องยอมรับว่าอัลมาซีเป็นคนดีจริงๆ (good) อย่างไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยจากเหตุการณ์ในที่ลับตาคนนี้เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่รับหน้าที่คอยจับตาอัลมาซีตั้งแต่อยู่ที่เท็กซัสจนมาถึงวอชิงตัน ดีซี ตัดสินใจขอถอนตัวจากงานนี้ เพราะเขาเป็นพยานคนเดียวที่รับรู้เหตุการณ์ในห้องระหว่างอัลมาซีกับโสเภณีนางนั้นและจากเหตุการณ์นี้เองทำให้เขาเชื่อโดยสนิทใจว่าอัลมาซีคือของจริง............โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนสามารถเป็นอวตารของพระผู้เป็นเจ้าได้เหมือนอย่างอัลมาซีและพระเยซูเพราะมันเป็นเรื่องของ "จิตสำนึกแบบพระคริสต์" ซึ่งสะท้อนออกมาในวิธีคิด คำพูด และการกระทำในชีวิตประจำวันของผู้นั้นที่สามารถเชื่อมต่อกับพระผู้เป็นเจ้าภายในตัวเองได้อย่างสมบูรณ์และสามารถใช้ชีวิตตามคำสอนและเจตจำนงค์ของพระเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจและอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆได้แต่ที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ ก็เพราะผู้คนมีแนวโน้มเอาคำสอนของพระเจ้ามารับใช้อัตตาที่ต่ำต้อยและมืดบอดของตัวเองอย่างรวมหมู่ในนามของ "ศาสนา" ต่างหาก............เยซูกับอัลมาซีถ้าเราตั้งโจทย์หรือปริศนาธรรมเพื่อครุ่นคิดในขณะกำลังชมซีรีส์ Messiah นี้ว่า"ถ้าพระเยซูปรากฏกายบนโลกในยุคนี้จริงๆ ท่านจะทำอะไรได้บ้าง ?"ผมคิดว่าเราจะได้แง่คิดและแรงบันดาลใจอย่างมากมายจากซีรีส์เรื่องนี้ตัวผมสนใจในเชิงระดับจิตแบบพระคริสต์ของอัลมาซีที่ปรากฏในซีรีส์เท่านั้นผมไม่ได้สนใจปัญหาชีวิตของพวกวิญญาณที่หลงทางในซีรีส์เท่าไรนัก เพราะมันคือเรื่องเล่าเดิมๆของคนทุกข์ที่แค่เปลี่ยนตัวละครกับฉากทัศน์ใหม่เท่านั้นเอง โดยที่เนื้อหายังเหมือนเดิมนั่นคือยึงยึดติดในอวิชชาและอัตตาตัวตนมันซ้ำๆซากๆอยู่อย่างนั้นจนน่าเบื่อหน่ายคลายจางสำหรับผู้มีปัญญาญาณที่เห็นแจ้งทะลุ........Mehdi Denbi (1985-) นักแสดงชาวเบลเยี่ยมผู้แสดงเป็นอัลมาซี (Al-Masih) หรือผู้ที่สาวกเชื่อว่าเขาเป็นพระเมสสิยาห์ในซีรีส์นี้ ผมคิดว่าเขาแสดงได้นิ่งดูน่าเชื่อถือก็จริง แต่ดวงตาที่เขาแสดงออกมายังไม่ลึกล้ำดุจเดียวกับพระเยซูในความเข้าใจของผมในก่อนวันคริสต์มาส ปี ค.ศ. 1984 องค์อวตารของพระวิษณุหรือท่านสัตยา ไส บาบา (1926-2011) ขณะนั้นท่านมีอายุ 58 ปีซึ่งอยู่ในช่วงพีคของท่านที่แสดงปาฏิหารย์ท่านไส บาบาได้เสกรูปภาพของพระเยซู ตอนพระเยซูอายุ 29 ปีออกมาใบหนึ่งให้ชาวคริสต์ทั้งหลายที่เป็นลูกศิษย์ของท่านไส บาบา ได้ชมเป็นขวัญตาเนื่องจากเรื่องนี้ไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันทางโบราณคดีได้ อย่างไรก็ดีนี่เป็นภาพถ่ายเพียงภาพเดียวของพระเยซูในวัย 29 ปี ที่ท่านไส บาบา องค์อวตารได้เคยเสกขึ้นมาให้ชาวโลกได้ยลเป็นขวัญตาภาพพระเยซูภาพนี้ ยังไงก็ยังน่าเชื่อกว่าภาพถ่ายพระพุทธเจ้าตอนตรัสรู้ที่มีคนไทยอ้างว่าถ่ายภาพปาฏิหารย์นี้ติดโดยบังเอิญที่ต้นมหาโพธิ์ ซึ่งยี่สิบกว่าปีต่อมา เราถึงรู้ความจริงว่าที่แท้ภาพถ่ายพระพุทธเจ้านี้เป็นภาพที่ถ่ายมาจากภาพวาดของจิตรกรฝรั่งคนหนึ่งเท่านั้น แต่คนไทยก็เคยหลงเชื่อมาเป็นสิบๆปีความน่าเชื่อของภาพพระเยซูภาพนี้จึงขึ้นอยู่กับความศักดิ์สิทธิ์ของตัวท่านไส บาบาเองที่สามารถแสดงปาฏิหารย์หลายๆอย่างให้ผู้คนเห็นตั้งแต่ตัวท่านยังเป็นเด็ก และผ่านการพิสูจน์มาอย่างยาวนานตลอดทั้งชีวิตของท่าน (แน่นอนว่ายังมีคนส่วนน้อยที่ไม่ยอมเชื่อและกล่าวหาใส่ความท่านอยู่ดีแบบว่าไม่สามารถหลีกพ้นคำนินทาได้)เยซู (Jeshouah) ชื่อนี้เป็นชื่อธรรมดาสามัญในยุคนั้น คล้ายกับชื่อสมชายในสังคมไทย รูปลักษณ์ภายนอกของเยซูก็มิได้มีลักษณะโดดเด่นกว่าคนทั่วไปเยซูมีผมสีดำขลิบยาวประบ่า แสกกลาง เขาไว้หนวดไว้เคราเหมือนชาวยิวทั่วไปในสมัยนั้นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเยซูที่เห็นได้ชัด คือ ดวงตาโศกซึ้งอยู่เป็นนิจของเขาดวงตาที่สะท้อนให้เห็นถึงความทุกข์แห่งการมีชีวิตอยู่อย่างที่ตัวเยซูเข้าใจซึ้งถึงความทุกข์ในชีวิตของผู้คนทั้งหลายในโลกนี้เราแทบกล่าวได้ว่ามีแต่ดวงตาคู่นี้เท่านั้นแหละที่ทำให้เยซูดูต่างจากผู้คนทั่วไปและตราตรึงอยู่ในความประทับใจ กลายเป็นความทรงจำของผู้คนที่ได้เคยเห็นเคยเจอเยซูอย่างยากที่จะลืมเลือนดวงตาของเยซูมิใช่ดวงตาที่คมกล้า องอาจดุจดวงตาของนักรบผู้กล้าดวงตาของเยซูมิใช่ดวงตาของปราชญ์ผู้รอบรู้แต่มันเป็นดวงตาที่โศกซึ้งคู่หนึ่ง มิหนำซ้ำยังเป็นดวงตาที่ล้ำลึกยากจะหยั่งถึงคู่หนึ่งดุจความลึกของน้ำทะเล........โยคะของพระเยซูผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าการสำแดงแห่งพระเจ้าที่เสด็จมาเกื้อกูลโลกนั้น ทรงกระทำในรูปของ "ทิพยาวตาร" หรือการที่พระเจ้าอวตารลงมาในรูปของมนุษย์ผู้รู้แจ้งที่มีระดับจิตของพระผู้เป็นเจ้า (God Consciousness) อย่างพระเยซูซึ่งเป็นผู้หยั่งรู้ที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอย่างบริบูรณ์ดังในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู "ภควัทคีตา" ที่พระผู้เป็นเจ้า (พระวิษณุนารายณ์) ทรงตรัสว่า"เมื่อใดที่คุณธรรมเสื่อมทรามลงและอธรรมมีอำนาจเหนือเราจะมาเกิดเป็นองค์อวตารปรากฏในรูปที่เห็นได้จากยุคสู่ยุคเพื่อปกป้องคุ้มครองธรรมและกวาดล้างอธรรม นำความถูกต้องกลับคืนมา"จิตอันไพศาลแห่งพระเจ้า หรือจิตพระคริสต์สากลจะสำแดงพระองค์ในรูปขิบปัจเจกบุคคลผู้มีวิญญาณรู้แจ้ง ผสานกับบุคลิกภาพอันโดดเด่นและทิพยธรรมอันเหมาะแก่กาลสมัย และเป้าหมายของการอวตารนั้นเยซู กับ คริสต์ มีความหมายแตกต่างกันเยซูคือพระนามแห่งกายมนุษย์ (เหมือนเจ้าชายสิทธัตถะ)ส่วนคริสต์คือพระนามที่ใช้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ (เหมือนพระพุทธเจ้า)กายมนุษย์นามเยซู เป็นที่สถิตของจิตแห่งพระคริสต์อันไพศาลคริสต์ คือพระอนันตปัญญาของพระเจ้าที่สถิตอยู่ในทุกสิ่งสร้าง เหมือนกับจิตพระกฤษณะตามคัมภีร์ภควัทคีตามนุษย์นาม 'เยซู' เป็นเพียงอณูเล็กๆในโลกนี้ที่กลายเป็น "พระเยซูคริสต์" ได้ก็ด้วยจิตที่รวมเป็นหนึ่งกับ "จิตแห่งพระคริสต์"(จิตพระกฤษณะ) ผ่านโยคะสมาธิเท่านั้นทุกวิญญาณที่มีสหัชญาณหยั่งรู้ตนผ่านโยคะสมาธิ (กรรมฐานเพื่อรวมเป็นหนึ่งกับพระเจ้า) กระทั่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตพระคริสต์ได้ คือบุตรของพระเจ้าอย่างแน่แท้ชาวคริสต์ที่แท้ คือผู้ที่ปลดปล่อยวิญญาณจากกายจิตที่ถูกครอบงำด้วยอัตตาหรืออหังการ และรวมวิญญาณนี้เข้ากับพระปัญญาแห่งพระเจ้าที่ครอบคลุมสิ่งสร้างทั้งมวลจิตวิญญาณที่แท้ต้องมาจาก "วิหารแห่งวิญญาณ" (ในกายสังขารนี้) ที่ดำรงความเกษมสุขอยู่กับพระเจ้าทั้งวันทั้งคืนวิญญาณภายในเช่นนี้เฉิดฉายแพรวพราวยิ่งกว่าโบสถ์วิหารที่เป็นวัตถุใดๆทั้งสิ้นเพราะนี่คือวิหารในใจที่เปี่ยมไปด้วยความภักดีที่ผู้นั้นมีต่อพระเจ้า และดำรงอยู่กับพระเจ้าในใจตนเสมอ ท่ามกลางแสงรักอันโชติช่วงจากใจของผู้นั้นที่ปฏิบัติโยคะกรรมฐานอย่างมุ่งมั่นด้วยจิตภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าโดยถือว่าการแสวงหาพระเจ้าภายในคือทั้งหมดของชีวิตตัวเองสุวินัย ภรณวลัย*****หมายเหตุ :(1) ภาพประกอบภาพแรกคือภาพพระเยซูวัย 29 ปีที่ท่านไส บาบาเสกขึ้นมาในปี 1984 ก่อนวันคริสต์มาส(2) อนึ่ง พระเมสสิยาห์ตัวจริงที่จะอวตารลงมาในอนาคตอันใกล้ โดยเป็นจิตสำนึกของพระศิวะ คือท่านเปรม ไสซึ่งรูปภาพของท่านเปรม ไสที่ท่านไส บาบาซึ่งเป็นองค์อวตารที่มาจากจิตของพระวิษณุนารายณ์ได้เคยเสกไว้ คือภาพประกอบภาพที่ 2จะเห็นได้ว่า ใบหน้าของเปรม ไส คล้ายคลึงกับใบหน้าของอัลมาซีในซีรีส์ Messiah อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว(3) ภาพประกอบภาพที่สาม คือภาพของดาราที่แสดงเป็นอัลมาซี หรือพระเมสสิยาห์ในซีรีส์นี้