บอร์ด ความรัก,เมื่อจิตตั้งมั่นแล้วควรพิจารณาอะไรต่อ ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย มารคัสเมื่อจิตตั้งมั่นแล้วควรพิจารณาอะไรต่อ/////สติไม่ต้องไปตามดู เพราะธรรมชาติของสติก็คือ มีสภาวะรับรู้แต่สิ่งที่ต้องดูนั้นไม่ใช่สติ แต่มันเป็นกระบวนการที่เกิดจากการรับรู้นั้นว่าอะไรมันเกิดขึ้นในขณะที่เรารับรู้นั้น คือสิ่งที่ตามดูสติเป็นธรรมชาติที่ปรากฏขึ้นในจิต โดยมันรับรู้สิ่งต่างๆ ที่ปรากฏขึ้น แล้วมันสามารถไปห้ามสิ่งต่างๆนั้นไม่ให้มีอำนาจครอบงำกาย วาจา ใจนั่นเป็นคุณสมบัติของสติเพราะฉะนั้น สติเป็นธรรมชาติ รับรู้ไม่ต้องตามดูแต่สิ่งที่เราควรจะตามดูแล้วก็รู้ก็คือ อารมณ์ และเหตุการณ์ ปรากฏการณ์สภาวะ และสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏขึ้นในใจเรา นอกกายเรา ทั้งภายในและภายนอกอันนี้เราต้องรับรู้เราต้องตามดู แล้วก็เลือกสรรส่วนที่เป็น 'กุศล' โดยปฏิเสธส่วนที่เป็น 'อกุศล'ฉะนั้นสิ่งที่จะต้องทำก็คือ ฝึกให้สติมันโตเมื่อมันโตแล้วความรับรู้มันจะยิ่งใหญ่เมื่อความรับรู้มันยิ่งใหญ่ มันก็สามารถจะเลือกได้ว่าอันนี้ใช่ อันนั้นไม่ใช่ แล้วอันนี้เป็นส่วนกุศล อันนั้นเป็นส่วนอกุศลโดยเราปฏิเสธ อกุศลยึดถือ กุศล..ดังนั้นการที่เราจะฝึกให้สติโต มันเป็นเรื่องเบื้องต้นที่ต้องทำก่อนคือการสร้างความรับรู้เบื้องต้น ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเราก่อนเรารู้ว่าเรากำลังนั่งอยู่.. นั่งอยู่ท่าใดเรารู้ว่ากำลังยืนอยู่.. ยืนอยู่ท่าใดเรารู้ว่าเรากำลังนอนอยู่.. นอนอยู่ท่าใดเรารู้ว่าเรากำลังเดินอยู่.. เดินอยู่อย่างไรเรารู้ว่าเรากำลังพูดอยู่ กำลังทำกิจกรรมการงานอยู่.......การรู้มันอย่างนี้สร้างความรับรู้ให้เกิดในปัจจุบันมันจะกลายเป็นการหล่อเลี้ยงสตินี้ให้โตขึ้นพอสตินี้มันโตขึ้น เมื่ออะไรที่มันปรากฏให้เรารับรู้ เราก็จะแยกมันได้ อันนี้ดี อันนี้ไม่ดีอันนี้ขาว อันนี้ดำ อย่างนี้เป็นต้นเราก็จะเลือกสรร สติมันก็จะทำหน้าที่ต่อมาว่า ... เมื่อมีสติแล้วต้องมีสัมปชัญญะตัวสตินี้มันเป็นตัวรู้เฉยๆ แต่ไอ้ตัวรู้ว่าดีกับไม่ดีได้มันไม่ใช่สติแล้วแต่มันเป็น สัมปชัญญะสัมปชัญญะก็สัมปยุตด้วยปัญญาสัมปชัญญะก็คือตัวปัญญานี่แหละที่จะทำหน้าที่แยกว่า อันนั้นดำนะ อันนี้ขาวนะแต่สติไม่ได้แยกนะ สติไม่ได้แยกว่านั่นคือผู้ชาย นี่คือผู้หญิงสติมีแต่จะรู้แค่ว่านั่นเป็นสัตว์ นั่นเป็นบุคคล นั่นเป็นตัวตน ส่วนจะเป็นเราเป็นเขา เป็นใช่ไม่ใช่ เป็นดี เป็นเสีย เป็นเลว เป็นหยาบ ไม่ใช่สติแล้วมันเป็นตัวสัมปชัญญะคือตัวปัญญา ... แล้วมาแยกออกว่า อันนั้นดีนะ อันนั้นไม่ดีนะ อันนี้ดำนะ อันนี้ขาวนะเพราะฉะนั้นก่อนจะรวมสติ ต้องมีกระบวนการที่สร้างแรงจูงใจพื้นฐานของการเกิดปัญญาการเจริญสติก็คือการสร้างฐานแห่งปัญญา มันต่างกับคำว่า 'สมาธิ'สมาธิก็คือความนิ่ง สงบ เงียบผลของ สมาธิ ก็คือความนิ่ง สงบ เงียบผลของ 'สติ' ก็คือตัวรู้ชัดตามความเป็นจริง'สติ' มันมีผลก็คือ ทำให้เรืองปัญญา'สมาธิ' เป็นผลก็คือ ทำให้สงบ เงียบ นิ่งเพราะคุณสมบัติของสมาธิ ... สูงสุดก็คือ 'เอกัคคตา'คือ ความนิ่งความสงบคือความปราศจากเครื่องปรุงแต่งร้อยรัดทั้งปวงคือการข่มกิเลสด้วยอำนาจของฌานแต่พลังแห่งสตินั้น ไม่ได้ไปข่ม รู้แต่ไม่ยึด แล้วก็ศึกษาว่ามันเกิดจากเหตุอะไร ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร แล้วเราจะกำจัดมันได้อย่างไรเพราะฉะนั้นสติกับสัมปชัญญะจึงเป็นของคู่กันเสมอต้องเข้าใจอย่างนี้แล้วเราจะรู้ว่า ...เราต้องพูด ต้องคิด ต้องเขียนอย่างไรในชีวิตประจำวัน เราถึงจะเรืองปัญญา ทำให้จิตเรารุ่งเรืองแล้วเบิกบานเสมอได้หลวงปู่พุทธะอิสระ